Home » การลงทุน NCL ในโครงการ ‘เมตะ’ 64 ล้านลีบร์
การลงทุน NCL ในโครงการ 'เมตะ' 64 ล้านลีบร์

ในรายงานประจำปี 2566 ของบริษัทเอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (NCL) ซึ่งเป็นบริษัทมหาชน นายพงษ์เทพ วิชัยกุล ผู้จัดการใหญ่ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการลงทุนและเงินกู้ที่เป็นประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสอบถามเข้ามา โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้:

  • การลงทุนในบริษัทเมตะ: NCL ได้ลงทุนเงิน 64 ล้านบาทในบริษัทเมตะ เฟรทแอนด์โลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีค่าต่ำและไม่แพงต่อสถานะการเงินของบริษัท
  • เงินกู้แก่บริษัทคู่ค้า: นอกจากนี้ยังมีการยืมเงินให้แก่บริษัทคู่ค้าในปริมาณ 50 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนกิจการ โดยมีเงื่อนไขการคืนเงินภายในกำหนดวันที่มิถุนายน 2567
  • การติดตามและการประเมินผล: คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาและวิเคราะห์ความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนและการกู้ยืมเหล่านี้อย่างรอบคอบ และมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารติดตามผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ โดยรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการบริษัททราบเป็นรายไตรมาส
  • การประเมินสถานการณ์: ในกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในผลการดำเนินงาน หรือมีความเสี่ยงที่สำคัญเกิดขึ้น บริษัทจะแจ้งคณะกรรมการบริษัททันทีเพื่อประเมินสถานการณ์และการดำเนินการต่อไป

การเผยแพร่ข้อมูลนี้เป็นการปฏิบัติตามหลักการของความโปร่งใสและการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ เพื่อให้นักลงทุนและสังคมได้รับทราบข้อมูลอย่างถูกต้องและครบถ้วนเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัท NCL ในปีที่ผ่านมา

โดยเพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุนในอนาคตและการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆอย่างมีความรับผิดชอบและคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย

ในการตรวจสอบข้อมูลทางบัญชีของบริษัทเอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (NCL) ประจำปี 2566 มีข้อสังเกตเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าธุรกิจของบริษัทย่อยเพื่อการลงทุนในบริษัทเมตะ เฟรทแอนด์โลจิสติกส์ จำกัด (บจ. เมตะ) โดยที่ผลการดำเนินงานของบริษัทไม่ได้เป็นไปตามคาดการณ์ที่กำหนดไว้ตามประมาณการ

คณะกรรมการตรวจสอบหมายเหตุถึงความสำคัญของการพิจารณาภาวะเศรษฐกิจระดับประเทศและโลกที่มีผลต่อธุรกิจโลจิสติกส์ และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในปี 2566 ซึ่งมีผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ล่วงหน้า ผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวนั้นทำให้ธุรกิจในกลุ่มโลจิสติกส์ทั้งหมดลดลง

ผู้สอบบัญชีมีความสนใจในการพิจารณาความเหมาะสมของมูลค่าเงินลงทุนในบริษัทเมตะ โดยเห็นว่าราคาที่ตกลงซื้อขายธุรกิจ 64 ล้านบาท ไม่สอดคล้องกับการประเมินมูลค่าธุรกิจที่ระดับ 66 ล้านบาท ที่ได้จากที่ปรึกษาการเงินอิสระ แต่คณะกรรมการบริษัทได้สรุปว่าราคาที่ตกลงซื้อขายเป็นราคาที่มีความเหมาะสม และมีเหตุผลอย่างมีนัยสำคัญ

เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองมีผลกระทบต่อธุรกิจโลจิสติกส์ การประเมินมูลค่าธุรกิจต้องพิจารณาอย่างละเอียดและสร้างสรรค์ และในกรณีของบริษัทเมตะ

การตระหนักถึงหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการใช้ที่ปรึกษาการเงินอิสระในการประเมินมูลค่าธุรกิจได้เป็นที่ยอมรับจากคณะกรรมการ ซึ่งมีผลราคาที่ตกลงซื้อขายที่มีความเหมาะสมและสมเหตุสมผลตามข้อมูลที่ประมาณไว้