ในวันที่ 2 เมษายน 2567 ดัชนีเฉลี่ยราคาหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 39,566.85 จุด ลดลง 240.52 จุด หรือ -0.60% ในขณะเดียวกัน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 5,243.77 จุด ลดลง 10.58 จุด หรือ -0.20% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ระดับ 16,396.83 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ +0.11%
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 50.3 ในเดือนมีนาคม จากระดับ 47.8 ในเดือนกุมภาพันธ์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.1
ดัชนีภาคการผลิตเดือนมีนาคมถือเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยสูงเริ่มฟื้นตัวแล้ว
ความแข็งแกร่งของดัชนีภาคการผลิตสหรัฐได้ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.3% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกสำหรับตลาดการเงิน ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในเฟด
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 58% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิถุนายน ลดลงจากระดับ 64% ในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนในดัชนีเอสแอนด์พี 500, หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มปิดในแดนลบ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มเฮลธ์แคร์ปรับตัวลง 1.77% และ 0.88% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 1.45% และ 0.79% ตามลำดับ
ข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งที่นักลงทุนควรพิจารณาในการวางกลยุทธ์ในการลงทุนในวันนี้และในอนาคตที่จะมา โดยคำนึงถึงปัจจัยที่มีผลต่อตลาดทั้งภายในและนอกประเทศ
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนมีนาคมของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นเพียง 205,000 ตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งเป็นการชะลอตัวลงจากการเพิ่มขึ้น 275,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.9% ในเดือนมีนาคม
นอกจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรแล้ว นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนกุมภาพันธ์ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนกุมภาพันธ์ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมีนาคมจาก ADP ดัชนีภาคบริการเดือนมีนาคมจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์
