Home » บัวหลวงชวนลงทุน Gold Futures รับทองขาขึ้น

บริษัท บัวหลวง เปิดเผยว่าราคาทองคำอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นหลังจากที่เฟดส่งสัญญาณให้เห็นการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้มีปริมาณการซื้อขายสินค้า Futures ที่อ้างอิงทองคำของบริษัทเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 67 โดยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2 เดือนติด ทำให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มขึ้น 2.5% และ 5.2% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า นอกจากนี้ ทีมวิจัยมองเป้าหมายราคาทองคำที่ระดับ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และคาดการณ์ว่าเฟดจะส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ นอกจากนี้ยังมีความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ยังไม่มีท่าทีในการจบลงในเร็ว ๆ นี้

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการอาวุโส กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในปี 67 เป็นปีที่ดีสำหรับทองคำ โดยมีการปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปี 67 จนถึงวันที่ 1 เมษายน 67 ที่ผ่านมา ราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นจาก 2,062.7 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ สู่ระดับ 2,249.9 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 9.1% และได้ทำราคาทองคำทำสูงสุดที่ระดับ 2,265.6 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในวันที่ 1 เมษายน คิดเป็นผลตอบแทนถึง 9.8% ซึ่งได้รับปัจจัยบวกมาจากการส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยของประธานเฟดรวมถึงความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางหลังอิสราเอลเดินหน้าโจมตีฮามาสต่อเนื่องจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำนี้ มีผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใน Futures มากขึ้น สะท้อนผ่านปริมาณการซื้อขายข

อง Futures ที่อ้างอิงทองคำของบริษัท เพิ่มขึ้น 2 เดือนติด โดยเดือนมกราคม 67 เพิ่มขึ้น 2.5% และเดือนกุมภาพันธ์ 67 เพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ขณะเดียวกันปริมาณการซื้อขายรวมของตลาดในเดือนมกราคม 67 เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่เดือนกุมภาพันธ์ 67 ปรับตัวลดลง 14.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ส่วน Gold Online Futures ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความนิยมตอบโจทย์การเก็งกำไรจากราคาทองคำในตลาดโลกโดยตรง สะท้อนด้วยปริมาณการซื้อขายของบริษัทในเดือนกุมภาพันธ์ 67 ที่เพิ่มขึ้น 9.4% แม้ว่าปริมาณการซื้อขายของตลาดจะลดลง 14.6%

สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในช่วงที่เหลือของปี 67 ทีมวิจัยหลักทรัพย์บัวหลวงมองเป็นบวก โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะขึ้นไปถึงระดับ 2,300 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ และมี Upside ราว 2.2% นับจากราคาปิดวันที่ 1 เมษายน 67 โดยมีปัจจัยสำคัญดังนี้

  1. การปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปี 67 ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
  2. ธนาคารกลางทั่วโลกมีแนวโน้มเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
  3. ความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลางยังคงมีอยู่
  4. การเลือกตั้งในสหรัฐฯ เดือนพฤศจิกายน 67 ที่อาจส่งผลกระทบต่อนโยบายต่าง ๆ
  5. เศรษฐกิจในเอเชียที่ฟื้นตัวอาจส่งผลกระตุ้นต่อความต้องการบริโภคจิวเวลรี่และการบริโภคในภาคอุตสาหกรรม

ดังนั้น ทีมวิจัยขอแนะนำให้นักลงทุนสร้างโอกาสเก็งกำไรในทองคำผ่านสินค้า Futures ที่อ้างอิงทองคำตลาดโลก เช่น Gold Online Futures ซึ่งเป็นวิธีการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในทองคำจริง ๆ และยังสามารถเข้าถึงการเทรดทองคำในตลาดโลกได้อย่างสะดวกและง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนเป็นเงินดอลลาร์ในการเทรด รวมทั้งสามารถคำนวณกำไรขาดทุนเป็นเงินบาทได้อีกด้วย และยังมีกฎหมายรองรับอีกด้วย